ทำความเข้าใจการเทรดฟอเร็กซ์: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

ฟอเร็กซ์
18 กรกฎาคม 2025
Forex2 Basic

ยินดีต้อนรับสู่โลกของฟอเร็กซ์ ตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ และไม่เคยหลับไหล ยกเว้นช่วงสุดสัปดาห์ 

หากคุณเป็นมือใหม่แบบสุดๆ หรือเป็นคนที่แค่อยากรู้จักตลาดฟอเร็กซ์ คู่มือนี้จะพาคุณไปรู้จักกับพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์ในแบบที่เข้าใจง่าย ชัดเจน และนำไปใช้ได้จริง 

ก่อนที่เราจะเริ่มลงลึกในเรื่องของ “วิธีการ” ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ 

สารบัญ 

  1. ฟอเร็กซ์คืออะไร? 

  1. การเทรดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร? 

  1. ทำไมถึงควรเทรดฟอเร็กซ์? 

  1. ศัพท์สำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์ 

  1. วิธีการเทรดฟอเร็กซ์ 

  1. อะไรที่ส่งผลต่อราคาฟอเร็กซ์ 

  1. ช่วงเวลาเปิดตลาดฟอเร็กซ์ 

  1. การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค 

  1. เริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์อย่างไร 

  1. พื้นฐานการบริหารความเสี่ยง 

  1. ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักเจอ 

  1. สรุปสาระสำคัญ 

 

ฟอเร็กซ์คืออะไร? 

ฟอเร็กซ์ (ย่อมาจาก “foreign exchange”) คือ ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราระดับโลก ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละวัน 

Screenshot 2568 07 16 At 17.32.37

ต่างจากตลาดหุ้น ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีศูนย์กลางหรือกระดานซื้อขายแบบดั้งเดิม แต่ดำเนินการแบบกระจายศูนย์ และเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์การเงินหลักทั่วโลก เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ 

พูดง่ายๆ คือ คุณซื้อสกุลเงินหนึ่ง ขายอีกสกุลหนึ่ง แล้วทำกำไรจากส่วนต่างของราคา 

ตอนนี้คุณเข้าใจพื้นฐานแล้ว ลองไปดูว่าการเทรดฟอเร็กซ์ในทางปฏิบัติทำงานอย่างไรบ้าง 

การเทรดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร? 

คุณจะทำการซื้อขายในรูปแบบ “คู่สกุลเงิน” เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) หรือ GBP/JPY (ปอนด์อังกฤษ/เยนญี่ปุ่น) 

วิธีอ่านมีดังนี้: 

  • สกุลเงินฐาน: สกุลเงินตัวหน้า (เช่น EUR) 

  • สกุลเงินอ้างอิง: สกุลเงินตัวหลัง (เช่น USD) 

Screenshot 2568 07 16 At 18.47.56

ถ้า EUR/USD = 1.10 หมายความว่า 1 ยูโร เท่ากับ 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น แสดงว่ายูโรแข็งค่าขึ้น 

คุณจะทำกำไรได้โดยการซื้อคู่นั้น ถ้าคิดว่าราคาจะขึ้น หรือขายออก ถ้าคิดว่าราคาจะลง 

ตารางด้านล่างคือประเภทของคู่สกุลเงินหลัก: 

ประเภท 

ตัวอย่างคู่สกุลเงิน 

คำอธิบาย 

คู่สกุลเงินหลัก 

EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CHF 

ได้รับความนิยมสูงสุด มักมี USD อยู่เสมอ สภาพคล่องสูง สเปรดต่ำ 

คู่สกุลเงินรอง 

EUR/GBP, AUD/NZD, GBP/JPY 

ไม่มี USD อยู่ในคู่ สภาพคล่องน้อยกว่าคู่หลักเล็กน้อย แต่ยังซื้อขายได้ทั่วไป 

คู่สกุลเงินแปลกใหม่ 

USD/TRY, EUR/ZAR, GBP/MXN 

คู่ของสกุลเงินหลัก + สกุลเงินจากประเทศเกิดใหม่ ความเสี่ยงสูง สเปรดกว้าง 

คุณอาจสงสัยว่าทำไมคนถึงเทรดฟอเร็กซ์กันเยอะ เดี๋ยวมาดูกันต่อในหัวข้อถัดไป 

ไมถึงควรเทรดฟอเร็กซ์? 

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าการเทรดฟอเร็กซ์ทำงานยังไง แล้วทำไมคนถึงเลือกเทรดตลาดนี้กัน? 

นักเทรดส่วนใหญ่ชอบตลาดฟอเร็กซ์ด้วยเหตุผลเหล่านี้: 

  1. เริ่มต้นด้วยเงินน้อยก็ได้: คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะถึงจะเริ่มเทรดได้ แพลตฟอร์ม D Prime ให้คุณเริ่มเทรดได้ด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์ 

  1. สภาพคล่องสูง: ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน คุณสามารถเข้าและออกจากการเทรดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนซื้อหรือขาย 

  1. เปิดทำการตลอดเวลา: ตลาดฟอเร็กซ์เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ คุณจึงสามารถเทรดได้ในเวลาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนนอนดึกหรือตื่นเช้า 

  1. มีโอกาสทำกำไร: หากคุณมีเครื่องมือและความรู้ที่เหมาะสม ก็สามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง 

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อดีเหล่านี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง ปัจจัยที่ทำให้ฟอเร็กซ์น่าตื่นเต้น เช่น ความผันผวนและเลเวอเรจ ก็สามารถนำไปสู่การขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน หากคุณไม่เตรียมตัวให้พร้อม 

"ตลาดคือกลไกที่ถ่ายโอนเงินจากคนใจร้อนไปสู่คนใจเย็น" – Warren Buffett 

ดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรดจริง ควรรู้คำศัพท์พื้นฐานให้เข้าใจก่อน มาเริ่มกันเลย 

ศัพท์สำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์ 

ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรรู้คำศัพท์พื้นฐานในวงการเสียก่อน: 

🔷 Pip - การเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุด โดยปกติคือ 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ หาก EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1050 ไปเป็น 1.1051 หมายถึงราคาเพิ่มขึ้น 1 pip ซึ่ง pip ใช้ในการวัดกำไรหรือขาดทุน 

🔷 ขนาด Lot - ฟอเร็กซ์จะซื้อขายกันเป็นหน่วยที่เรียกว่า “ล็อต” ซึ่งหมายถึงขนาดของการซื้อขาย โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก: 

  • Standard: 100,000 หน่วย 

  • Mini: 10,000 หน่วย 

  • Micro: 1,000 หน่วย 

🔷 เลเวอเรจในฟอเร็กซ์ - เทรดจำนวนใหญ่ด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อย ตัวอย่าง: เลเวอเรจ 1:100 หมายถึงเงิน $100 ควบคุมได้ $10,000 แม้ว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็ขยายความเสี่ยงเช่นกัน 

🔷 มาร์จิ้น - เงินที่คุณต้องมีเพื่อเปิดคำสั่งซื้อขายที่ใช้เลเวอเรจ 

🔷 สเปรด - ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย สเปรดยิ่งแคบยิ่งดีสำหรับเทรดเดอร์ 

🔷 Long vs. Short - การเปิด Long หมายถึงการซื้อคู่สกุลเงินโดยคาดว่าราคาจะขึ้น ส่วน Short หมายถึงการขายโดยคาดว่าราคาจะลง 

การเข้าใจคำเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม และควบคุมการซื้อขายของคุณได้ดีขึ้น 

เมื่อคุณเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานแล้ว มาดูกันว่า การเทรดฟอเร็กซ์แบบง่ายๆ มีหน้าตาอย่างไร  

วิธีการเทรดฟอเร็กซ์ 

ลองนำทุกอย่างมารวมกันในตัวอย่างการเทรดแบบง่ายๆ: 

  1. คุณคิดว่ายูโรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 

  1. คุณซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1000 โดยใช้ไมโครลอต 1 ลอต (1,000 หน่วย) 

  1. ราคาขึ้นไปที่ 1.1050 ซึ่งเท่ากับกำไร 50 พิพ 

  1. คุณปิดออเดอร์แล้วได้กำไร $5 (50 พิพ × $0.10) 

ถ้าราคาลดลง 50 พิพแทนล่ะ? คุณจะขาดทุน $5 

ตัวอย่างนี้ทำให้เห็นภาพง่ายๆ ของกระบวนการพื้นฐาน แต่การเทรดจริงยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าสเปรด ค่าธรรมเนียม และวินัยทางอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง 

แต่การเทรดไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ราคาขยับตั้งแต่แรก? มาดูกันต่อเลย 

อะไรที่ส่งผลต่อราคาฟอเร็กซ์ 

หากคุณต้องการเทรดอย่างมั่นใจ คุณต้องเข้าใจว่าอะไรที่ขับเคลื่อนตลาด 

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน: 

  • ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: ข้อมูลอย่างอัตราการเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และสถิติการว่างงาน 

  • อัตราดอกเบี้ย: อัตราที่สูงสามารถดึงดูดเงินทุนต่างชาติ ทำให้สกุลเงินแข็งค่า 

  • เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์: ความมั่นคงทางการเมือง การเลือกตั้ง และความขัดแย้งระหว่างประเทศสามารถทำให้ตลาดผันผวน 

  • มุมมองของตลาด: มุมมองโดยรวมของนักลงทุนต่อความเสี่ยงสามารถส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน 

จงติดตามข่าวสาร ใช้ ปฏิทินเศรษฐกิจ เพื่อติดตามเหตุการณ์สำคัญ และรับการวิเคราะห์จากตลาดอย่างสม่ำเสมอ 

และเพราะตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน เรื่องเวลาในการเข้าออกจึงมีความสำคัญ มาดูกันว่าช่วงเวลาไหนที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด 

ช่วงเวลาเปิดตลาดฟอเร็กซ์ 

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในแต่ละช่วงเวลาจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป: 

🔷 ช่วงเอเชีย (โตเกียว) - สภาพคล่องต่ำ ราคาขยับช้ากว่า 

🔷 ช่วงยุโรป (ลอนดอน) - สภาพคล่องสูง มีแนวโน้มชัดเจน 

🔷 ช่วงสหรัฐ (นิวยอร์ก) - ผันผวนที่สุด และมีเวลาทับซ้อนกับลอนดอน 

โดยทั่วไป การเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นแรงที่สุดเมื่อถึงช่วงที่ ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นชั่วโมงทองของการเทรด 

หากต้องการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรรู้จักการวิเคราะห์ตลาดอย่างถูกวิธี และนั่นคือสิ่งที่เราจะไปต่อกันในหัวข้อถัดไป 

การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค 

นักเทรดมักใช้ 2 วิธีหลักในการวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์ ได้แก่: 

🔷 การวิเคราะห์พื้นฐาน - วิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ นโยบายของธนาคารกลาง และเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา นักเทรดมักใช้ปฏิทินข่าวฟอเร็กซ์ในการติดตามเหตุการณ์สำคัญ 

🔷 การวิเคราะห์ทางเทคนิค - ใช้กราฟ ตัวชี้วัด และพฤติกรรมราคาย้อนหลังเพื่อระบุแนวโน้มและโอกาสในการเข้าเทรด 

หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นมักสงสัยว่า: วิธีไหนดีกว่ากัน? 

ความจริงคือ ทั้งสองมีหน้าที่ต่างกัน: 

การวิเคราะห์พื้นฐานจะช่วยตอบคำถามว่า “ทำไม” ราคาถึงเคลื่อนไหว 
การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยตอบคำถามว่า “เมื่อไหร่” ควรเข้าออกตลาด 

นักเทรดที่ชาญฉลาดจะไม่เลือกข้าง แต่จะใช้ทั้งสองวิธีประกอบกัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของตลาดอย่างครบถ้วน 

เพราะในท้ายที่สุด การวิเคราะห์ตลาดคือหัวใจสำคัญ มันคือวิธีที่คุณมองหาโอกาส จัดการความเสี่ยง และหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยอารมณ์

"ความเสี่ยงเกิดจากการไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่" – Warren Buffett 

จะเริ่มต้นเทรดจริงได้ยังไง? มาดูขั้นตอนต่อไปกันเลย 

เริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์อย่างไร 

ถึงเวลานำทฤษฎีมาสู่การลงมือปฏิบัติจริง 

1️⃣ เลือกโบรกเกอร์ - การมีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์ที่ใช่จะสร้างความแตกต่างอย่างมาก D Prime เป็นโบรกชั้นนำที่มีการกำกับดูแล ให้สเปรดแคบ การส่งคำสั่งที่รวดเร็ว และสภาพคล่องสูงสำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ 

2️⃣ เปิดบัญชีเทรด - เริ่มจากการเปิดบัญชีเดโมกับ D Prime เพื่อฝึกฝนโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง 

3️⃣ เรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน - ใช้เครื่องมือการเทรดขั้นสูงและแหล่งเรียนรู้ของ D Prime เพื่อพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ตลาด 

4️⃣ วางแผนการเทรด - กำหนดกฎในการเข้าและออกออเดอร์ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และกลยุทธ์ โดยใช้ทรัพยากรระดับมืออาชีพจาก Doo Prime 

5️⃣ บริหารความเสี่ยง - อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง และใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงของ D Prime เพื่อให้คุณควบคุมสถานการณ์ได้ 

แต่หากไม่มีการบริหารความเสี่ยง การเทรดก็เหมือนตั๋วเที่ยวเดียวสู่ปัญหา มาแก้ไขเรื่องนี้กันต่อเลย 

พื้นฐานการบริหารความเสี่ยง 

การเทรดฟอเร็กซ์ไม่ใช่เรื่องของการรวยเร็ว แต่คือการอยู่รอดในเกมระยะยาว นี่คือวิธีจัดการความเสี่ยง: 

  • ใช้จุดหยุดขาดทุน: ตั้งค่าการปิดออเดอร์อัตโนมัติเพื่อลดการขาดทุนหากตลาดสวนทาง อย่าปล่อยให้การเทรดที่ผิดครั้งเดียวพังทุกอย่าง 

  • เสี่ยงเฉพาะเงินที่คุณพร้อมจะเสียได้: อย่าใช้เงินที่คุณไม่สามารถเสียได้ เพราะตลาดอาจเคลื่อนไหวเร็ว และการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้ เทรดด้วยเงินทุนที่คุณสามารถรับการสูญเสียได้โดยไม่เครียด 

  • หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป: เลเวอเรจสูงอาจดึงดูดให้นักเทรดมือใหม่เทรดมากเกินไป แต่ก็นำไปสู่การล้างพอร์ตได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน 

  • ใจเย็นเข้าไว้: การตัดสินใจด้วยอารมณ์นำไปสู่ความผิดพลาด ยึดแผนที่วางไว้ แม้จะเพิ่งขาดทุนมาก็ตาม 

"ในการเทรด สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าคุณคิดถูกหรือผิด แต่คือคุณได้กำไรเท่าไหร่เมื่อคุณคิดถูก และขาดทุนเท่าไหร่เมื่อคุณคิดผิด" – George Soros 

แม้จะมีการควบคุมความเสี่ยงแล้ว แต่นักเทรดมือใหม่ก็ยังพลาดได้บ่อย มาดูกันว่าเราควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้างในบทถัดไป 

ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักเจอ 

มือใหม่มักสะดุดกับกับดักเหล่านี้ ระวังให้ดี: 

  • เทรดมากเกินไป (Overtrading): จำนวนครั้งที่เทรดมากขึ้นไม่ได้แปลว่าจะได้กำไรมากขึ้น บางครั้งน้อยแต่มีคุณภาพดีกว่า เลือกเฉพาะจังหวะที่ดีที่สุด 

  • ไม่สนใจข่าวสาร: เหตุการณ์เศรษฐกิจสามารถทำให้ราคาผันผวนในพริบตา อย่าลืมเช็กปฏิทินข่าวเสมอ 

  • พยายามเอาคืนเมื่อขาดทุน (Chasing Losses): เมื่อขาดทุน อย่าพยายามเพิ่มขนาดออเดอร์เพื่อเอาทุนคืนทันที นั่นคือการพนันไม่ใช่การเทรด ให้หยุด ตั้งสติ แล้วค่อยไปต่อ 

  • ไม่มีแผนการเทรด: เทรดโดยไม่มีแผนก็เหมือนขับรถโดยปิดตา ควรกำหนดจุดเข้า จุดออก และระดับความเสี่ยงให้ชัดเจน 

 

มาสรุปบทเรียนสำคัญที่คุณควรนำติดตัวไว้ตลอดเส้นทางการเทรดฟอเร็กซ์กันครับ 

สรุปสาระสำคัญ  

ฟอเร็กซ์มอบโอกาสมากมาย แต่ไม่ใช่แผนรวยเร็ว เข้าใจพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง และการเคลื่อนไหวของตลาดคือกุญแจสำคัญ 

เริ่มจากเล็กๆ ฝึกวินัย และอดทนกับตัวเอง 

ขอให้ก้าวนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคุณ ทีละหนึ่งพิปก็พอ 

“ตลาดไม่เคยผิด มีแค่มุมมองของคนเท่านั้นที่ผิด” 
— Paul Tudor Jones 

 

 

คำชี้แจง   

  

ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอซื้อขาย หรือคำเชิญชวนให้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้อ่านแต่ละคนหรือความต้องการเฉพาะ และไม่ควรถูกมองว่าเป็นคำแนะนำเฉพาะบุคคลข้อมูลผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต D Prime และบริษัทในเครือไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของข้อมูลที่นำเสนอ และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการขาดทุนใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้หรือการตัดสินใจลงทุนที่อิงจากข้อมูลนี้ 

โปรดอย่าใช้เนื้อหาข้างต้นแทนการตัดสินใจโดยอิสระของคุณเอง ควรพิจารณาความเหมาะสมของข้อมูลนี้กับสถานการณ์ส่วนบุคคลของคุณก่อนตัดสินใจลงทุน ตลาดมีความเสี่ยง และการลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวัง